สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่า องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ หรือนาซ่า ได้ออกแถลงการณ์เตือนให้ชาวโลก เตรียมรับมือกับพายุสุริยะที่คาดว่าจะใหญ่ที่สุดในรอบ 7 ปีในสัปดาห์นี้ หลังจากพื้นผิวของดวงอาทิตย์เกิดแรงระเบิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยพายุดังกล่าวจะส่งคลื่นพายุแม่เหล็กไฟฟ้ามาสู่โลกด้วยความเร็ว 1,400 ไมล์ต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลทำให้กระทบต่อระบบจีพีเอส สื่อสารการบิน ระบบวิทยุ ระบบดาวเทียม และระบบการสื่อสารอื่นๆ บนโลก อีกทั้งยังจะส่งผลให้เกิดปรากฎการณ์แสงเหนือขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้ในบริเวณต่ำกว่าเส้นศูนย์สูตร ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่มีให้เห็นได้ไม่บ่อยนักด้วย. พายุสุริยะ ส่งผลกระทบต่อโลกแค่ไหน?
หลายคนฟังคำว่า พายุสุริยะ แล้วคงจะรู้สึกกลัวถึงอานุภาพของมัน แต่จริง ๆ แล้ว พายุสุริยะ ไม่ได้มีอิทธิฤทธิ์ทำลายสิ่งปลูกสร้าง หรือทำให้มนุษย์บาดเจ็บล้มตายได้ แต่สิ่งที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด เมื่อเกิด พายุสุริยะ ขึ้นก็คือ ระบบที่เกี่ยวข้องกับสนามแม่เหล็กของโลก ซึ่งเป็นตัวคอยกั้นโลกจากรังสีของดวงอาทิตย์อยู่ เช่น ระบบการสื่อสารคมนาคมทางวิทยุ ระบบการบิน ดาวเทียม ระบบไฟฟ้า ฯลฯ ทั้งนี้หากสิ่งที่กล่าวมาเหล่านี้ได้รับผลกระทบ แน่นอนว่า ย่อมมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไปทั่วโลก เช่น เครื่องบินต้องหยุดบินชั่วคราว ดาวเทียมใช้งานไม่ได้ การติดต่อสื่อสารระหว่างกันเกิดปัญหา หรืออาจทำให้หม้อแปลงที่โรงปั่นไฟฟ้าเสียหายได้ เป็นต้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ระบบต่าง ๆ ที่จะได้รับผลกระทบจาก พายุสุริยะ ก็สามารถเตรียมการป้องกันล่วงหน้า เพื่อให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดได้ อย่างเช่น หากมีการบินในช่วงเกิดพายุสุริยะ นักบินก็ต้องหลีกเลี่ยงการบินผ่านบริเวณขั้วโลก แต่ให้บินอ้อมไปทางอื่น ที่จะปลอดภัยจากกัมมันตภาพรังสีมากกว่า
ส่วนนักบินอวกาศ หากนักบินอวกาศออกไปจากสนามแม่เหล็กโลก แล้วเกิดพายุสุริยะขึ้นในช่วงนั้น นักบินอวกาศก็ยังเสี่ยงต่อการได้รับสารกัมมันตภาพรังสี ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ด้วย เช่นเดียวกับโลก ที่เมื่อรังสีต่าง ๆ สะสมอยู่ในโลกมากขึ้น จะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหาร ร่างกายของมนุษย์ยังจะได้รับรังสีผ่านทางน้ำ อาหาร นำไปสู่โรคชนิดใหม่ขึ้นได้
แสงออรอร่าเกิดจากอนุภาคมากับ
พายุสุริยะ
ขณะเดียวกัน เมื่อเกิด พายุสุริยะ
ขึ้น จะมีการปล่อยมวลจากโคโรนาเข้าปะทะกับสนามแม่เหล็กของโลก และบีบสนามแม่เหล็กให้เข้ามาใกล้
เกิดเป็นอนุภาคที่เรียกว่า "แถบรังสี" เมื่อสนามแม่เหล็กบีบตัวเข้ามา อนุภาคเหล่านี้จะชนกับบรรยากาศของโลก เกิดเป็นแสงเหนือแสงใต้
หรือที่เรียกว่า "ออโรรา" (Aurora) ซึ่งเราสามารถมองเห็นได้ในประเทศแคนาดา แต่หาก พายุสุริยะ แรงมาก แสงออโรราจะส่องลงมาให้เห็นถึงที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้เลย พายุสุริยะ ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1989
เป็นพายุสุริยะระดับธรรมดา เกิดขึ้นที่เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา
ทำให้ระบบไฟฟ้าทั้งหมดของเมืองดับนานกว่า 9 ชั่วโมง
และยังส่งผลกระทบไปถึงทางตอนเหนือของประเทศสหรัฐอเมริกา และสวีเดนด้วย ดังนั้น
จึงมีการทำนายกันว่า พายุสุริยะครั้งใหญ่ที่จะพุ่งเข้าสู่โลก
จะเกิดอีกครั้งในช่วงปี ค.ศ.2011-2014 ซึ่งเป็นช่วงครบรอบ 11 ปีของวัฏจักรพอดี
แต่ยังไม่สามารถระบุช่วงเวลาที่แน่นอน และความรุนแรงได้
จัดทำโดย
น.ส. ปริญดา จาดเนือง ม.5/8 เลขที่ 20
วิชา โลกศึกษา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น