เที่ยวฟาร์มแกะ
แวะไร่กุหลาบ อาบน้ำแร่ ที่สวนผึ้ง
เปิดโลกทัศน์
สัมผัสธรรมชาติและวิถีชีวิตอันสงบ เรียบง่าย... “สวนผึ้ง” อำเภอเล็กๆ
ในอ้อมกอดแห่งขุนเขา ชายแดนตะวันตก เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐที่ประกาศให้ปี
2551-2552 เป็นปีท่องเที่ยวไทย และอิงกระแส “เที่ยวไทยครึกครื้น
เศรษฐกิจไทยคึกคัก” วันหยุดยาวนี้ เราขอแนะนำที่เที่ยวแห่งใหม่
ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก ได้แก่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี
มาทำความรู้จักอำเภอนี้กันเลยดีกว่าค่ะ
อำเภอสวนผึ้ง
ตั้งอยู่บนพื้นที่สูง
โอบล้อมด้วยขุนเขา ชิดชายแดนไทย-พม่า ประกอบด้วย 4 ตำบล คือ ตำบลสวนผึ้ง
ตำบลป่าหวาย ตำบลตะนาวศรี และตำบลท่าเคย
การเดินทาง
ระยะทางจากกรุงเทพฯ
ถึงอ.สวนผึ้งประมาณ 160 กม. ใช้เวลาในการขับรถไม่เกิน 2 ชั่วโมง เพื่อนๆ สามารถเดินทางแบบชิลล์ๆ ไปได้ 2 เส้นทางด้วยกัน
คือ
1.
ทางหลวงหมายเลข 4 (เส้นถนนเพชรเกษม)
ผ่านพุทธมณฑล นครชัยศรี เมืองนครปฐม เมืองราชบุรี แล้วเลี้ยวขวาแถวเขางู ผ่าน อ.จอมบึง ขับไปตามทางหลวงหมายเลข
3087 มุ่งหน้าสู่ อ.สวนผึ้ง
2.
ทางหลวงหมายเลข 35 (เส้นถนนพระราม 2 - ธนบุรี-ปากท่อ) ผ่านสมุทรสาคร สมุทรสงคราม เลี้ยวขวาเข้า อ.ปากท่อ
ผ่านเมืองราชบุรี เขาแก่นจันทร์ แล้วแยกซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 3208 มุ่งหน้าสู่ อ.สวนผึ้ง
ทริปสวนผึ้ง
ราชบุรีของเรา เริ่มต้นด้วยความประทับใจจากธรรมชาติอันสมบูรณ์ และภาพทิวทัศน์สวยงามขนาบข้างตลอดเส้นทาง
เดิมทีเราตั้งใจจะมุ่งตรงสู่ตัวอำเภอสวนผึ้งกันเลย แต่ก็มาสะดุดตากับป้ายสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเก๋ๆ
ว่า “โป่งยุบ” จึงไม่รอช้า ตัดสินใจแวะชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่สร้างสรรค์ให้
ทำให้ โป่งยุบ มีลักษณะเป็นโตรกผา รูปร่างแปลกตาคล้ายกับ แพะเมืองผี
ที่จังหวัดแพร่ เป็นที่ตื่นตาตื่นใจในสายตาของนักท่องเที่ยวมากๆ เนื่องจากโป่งยุบอยู่ในที่ของเอกชน ดังนั้นต้องเสียค่าเข้าชม คันละ 40 บาท
เมื่อถ่ายรูปจนหนำใจแล้ว
ก็ได้เวลาไปนอนแช่น้ำแร่ร้อนให้สบายกาย สบายใจที่ “ธารบ่อคลึง” ขับรถเลยตัวเมืองสวนผึ้งไปประมาณ 5
กม. จะเจอทางแยกเข้าไปบ่อคลึง วิ่งตรงไปอีก 10 กม. ก็ถึงแล้ว ที่นี่ถือเป็นสถานที่ไฮไลท์ของสวนผึ้งเลยก็ว่าได้
เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว เพราะไม่ต้องเดินทางไปอาบน้ำแร่ไกลถึงเชียงใหม่
หรือระนอง ก็สามารถมาผ่อนคลายแถมได้สุขภาพอีกด้วย บ่อคลึงเป็นธารน้ำร้อนธรรมชาติ ที่มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาตะนาวศรี
มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ประกอบด้วยบ่อน้ำร้อนและสระสำหรับอาบน้ำร้อนธรรมชาติ
วันจันทร์-ศุกร์ เปิดตั้งแต่เวลา 08.00–17.00 น.
วันเสาร์-อาทิตย์ เปิดเวลา 08.00–18.00 น. ค่าผ่านประตู 5 บาท ค่าอาบน้ำแร่บ่อกลางแจ้งคนละ
20 บาท สระกระเบื้องคนละ 50 บาท
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร. 0 3271 1086
จากนั้น
ไปชุ่มฉ่ำเย็นกายสบายตากันต่อที่ "น้ำตกเก้าชั้น
หรือ น้ำตกเก้าโจน (เก้ากระโจน)” เลยธารน้ำร้อนบ่อคลึงไปประมาณ 1
กม. เป็นน้ำตกที่มีความสูง 9 ชั้น
ตกลงมาจากหน้าผาสูง มีน้ำตลอดปี โดยปริมาณน้ำจะมากในชั้นบนๆ การเดินเข้าชมน้ำตก
จากลานจอดรถ ต้องเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 500 ม.
จะถึงบริเวณน้ำตกชั้นล่าง แต่มาเที่ยวสวนผึ้งทั้งที
ก็ต้องเก็บเกี่ยวความสุขกันให้เต็มที่ ว่าแล้วก็เปิดประสบการณ์สุดท้าทาย
เดินเท้าขึ้นไปพิชิตน้ำตกชั้นสุดท้ายกันดีกว่า ด้วยระยะทางประมาณ 2 กม. ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง เพื่อนๆ ก็จะได้สัมผัสธรรมชาติอันบริสุทธิ์
เปรียบดังโอเอซิสอันชุ่มชื่น ที่ซุกซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา ค่าเข้าชม รถยนต์ รถตู้
รถปิกอั๊พ คันละ 30 บาท รถบัส 100 บาท
ห่างจากที่ว่าการอำเภอสวนผึ้งไป
25 กม. จะพบแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจอีกแห่ง ได้แก่ สวนป่าสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ หรือที่รู้จักกันทั่วไปในนาม
แก่งส้มแมว สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมีโอกาสมาเยือนสวนป่าสิริกิติ์แห่งนี้
คือ การพายเรือล่องแก่ง เล่นน้ำ ชมนกยูงรำแพน หรือพักผ่อนรับประทานอาหารริมลำธาร เป็นต้น
สวนผึ้ง
เต็มไปด้วยกิจกรรมมากมายไว้คอยรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยว ซึ่งสามารถเติมเต็มวันว่างของเพื่อนๆ
ได้อย่างสมบูรณ์และลงตัว อาทิ ชมไร่กุหลาบอุษาวดี, เที่ยวรีสอร์ทสวยสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน
The Scenery Resort เป็นต้น ใครที่มีเวลาว่างอันจำกัด หรือต้องการเที่ยวใกล้ๆ
กรุงเทพฯ เราเชื่อว่า คุณจะตกหลุมรักอำเภอนี้เหมือนกับเราค่ะ
วันหยุดยาวช่วงเข้าพรรษานี้ หากเพื่อนๆ ยังไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวไหน ลองมาท่องเที่ยวเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่สนุกสนานและน่าจดจำใน
สวนผึ้ง ราชบุรี กันนะคะ
เป็นประเพณีหน้าน้ำของคนไทย เป็นการละเล่นในยามน้ำหลากที่สืบทอดมาแต่โบราณ และมักมีการแข่งเรือควบคู่ไปกับการทำบุญ ปิดทอง ไหว้พระและงานกฐิน ช่วยสร้างบรรยากาศให้งานบุญครึกครื้นขึ้น
ประเพณีแข่งเรือ เป็นการละเล่นที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยในชนบทถิ่นที่อยู่อาศัยใกล้น้ำ ในช่วงเดือนสิบเอ็ดและเดือนสิบสอง ชาวบ้านเว้นว่างจากการทำไร่ทำนา เป็นโอกาสที่หนุ่มสาวได้พบปะเกี้ยวพาราสีกัน ได้เห็นฝีไม้ลายมือของชายอกสามศอก ได้เห็นความสามัคคีพร้อมเพรียงของเหล่าหนุ่มฝีพาย การแข่งเรือมักมีการเล่นเพลงเรือ เพลงปรบไก่ เพลงครึ่งท่อน และสักวาโต้ตอบกันระหว่างหนุ่มสาวหลังการแข่งเรือ เป็นกรใช้ฝีปากไหวพริบและความเป็นเจ้าบทเจ้ากลอน โต้ตอบเกี้ยวพาราสีกัน ได้แสดงความสามารถทั้งหญิงและชาย ผู้ดูมีทั้งอยู่บนตลิ่ง และที่พายเรือกันไปเป็นหมู่ ต่างสนุกสนานกันทั่วหน้า
เรือแข่งที่แถบชาวบ้านลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาใช้แข่ง เรียกเรือยาว ซึ่งทำจากท่อนซุงทั้งต้น การต่อเรือยาวต้องใช้ความรู้ ความชำนาญมาก จึงจะได้เรือที่สวยและแล่นได้เร็วเวลาพาย
ปัจจุบันประเพณีการแข่งเรือยังมีเหลืออยู่บ้างไม่มากเหมือนสมัยก่อน เพราะวิถีชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงไป แต่เราไม่ค่อยจะได้ยินเสียงเพลงเห่เรือของฝีพายและของชาวบ้าน กลับได้ยินเพลงลูกทุ่งแทน เพราะขาดผู้รู้คุณค่าและความสนใจที่จะรักษาไว้ จึงไม่ได้สนับสนุนผู้มีความรู้ความสามารถในการเห่เรือ ให้สืบทอดประเพณีนี้ต่อมา เป็นที่น่ายินดีที่หน่วยงานราชการ และเอกชนบางแห่ง เล็งเห็นคุณค่าของประเพณีแข่งเรือ จึงได้จัดให้มีการแข่งเรือขึ้นในหลายๆท้องถิ่นที่อยู่ริมน้ำ ซึ่งประสบผลสำเร็จ ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติมากมาย
อาหารภาคกลาง
แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย
http://tip6220.blogspot.com/2011/01/blog-post.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น